ในที่นี้ปรัชญาดังกล่าวสอนให้เรารู้จัก
"ตัวเราเอง"
เป็นสิ่งแรกก่อนที่จะออกไปสู้รบหรือไปแข่งขันกับผู้อื่น
เหมือนกับการแข่งขันกีฬา ทีมหรือนักกีฬาที่เก่งกาจจะมีการวางแผนการเล่นอย่างรอบคอบ และมีการฝึกซ้อมอย่างหนักก่อนลงสนามจริง
นักลงทุนก็เช่นเดียวกันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการวางแผน เพื่อวางยุทธศาสตร์การลงทุนของตนเอง
ก่อนอื่นเราต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าลักษณะนิสัยและความชอบของเราเป็นอย่างไร โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวบอกว่าควรจะมีลักษณะการลงทุนหรือเล่นหุ้นอย่างไร เช่น
- คนรักการเก็งกำไร ใจร้อน กล้าได้กล้าเสีย รับแรงกดดันได้สูง มักเหมาะกับการเล่นหุ้นระยะสั้นถึงกลาง
- คนรักการลงทุนในพื้นฐานกิจการ ใจเย็น แน่วแน่ มั่นคง มักเหมาะกับการเล่นหุ้นระยะกลางถึงยาว
หรือแยกจากประเภทของการลงทุน
- ชอบวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ถือหุ้นจนกว่าพื้นฐานกิจการจะเปลี่ยน (Value Investor)
- ชอบการดูกราฟ กำหนดจุดเข้าซื้อจุดขายทำกำไร มีวินัย (Technical Trader/ Momentum Investor/ Speculator)
หรือ
- ชอบมันทั้งสองแบบ ซื้อหุ้นพื้นฐานดี โดยใช้กราฟเป็นตัวช่วยในการเข้าซื้อและขาย (Hybrid Investor)
ที่ผมกล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่าใครมีนิสัยอย่างไรและเล่นหุ้นลักษณะไหนจะดีหรือไม่ดีกว่ากัน
และแน่นอนไม่จำเป็นเสมอไปว่าคนที่รักการเก็งกำไรจะเล่นหุ้นระยะสั้นแล้วจะประสบความสำเร็จ หรือคนที่เน้นการลงทุนเล่นหุ้นระยะยาวแล้วจะร่ำรวยกว่า
สิ่งนี้เป็นเพียงการนำเอา nature ของคนมาโยงกับลักษณะการเล่นหุ้นเท่านั้น เพราะคนใจร้อนคงไม่สามารถถือหุ้นนานเป็นปีหรือหลายปีได้ และบางทีคนที่ถือหุ้นมานานนับปีอาจเกิดอาการเบื่อหน่าย และเปลี่ยนมาเล่นสั้นบ้างเพื่อแก้เหงาก็เป็นได้ นอกเสียจากคุณจะ
"ค้นพบนิสัยในการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด"
ซึงวิธีการนำไปสู่การค้นพบนี้ต้องอาศัยระยะเวลาและประสบการณ์ในการลองผิดลองถูกอยู่บ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ
"ต้องเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง"
เพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ และเมื่อใดที่คุณค้นพบว่าวิธีใดสามารถทำกำไรในตลาดให้กับคุณได้อย่างยั่งยืน (ไม่ใช่มาก) ที่สุด ให้คุณยึดถือตามแบบแผนนั้นและหมั่นตรวจสอบปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอ รับรองว่าคุณจะสามารถเอาชนะตลาดทุนนี้ได้อย่างแน่นอน
ในหัวข้อถัดไปผมจะลงรายละเอียด mindset ในการลงทุนในหุ้นที่ควรยึดถือไว้เป็นแนวทาง
ps. สำหรับนักลงทุนท่านใดที่ยังไม่ทราบว่าตัวเองเหมาะแก่การเป็นนักลงทุนประเภทไหน ไม่เป็นไรครับ อยากให้ลองติดตาม blog นี้ไปเรื่อยๆ โดยลองศึกษาทั้ง Fundamental และ Technical และดูว่าท่านมีแนวโน้มชอบแบบไหน และอาจลองนำแนวคิดของทั้ง Fundamental และ Technical ไปใช้กับการลงทุนจริง และสังเกตว่าแบบไหนที่ตรงกับจริตการลงทุน ก่อให้เกิดกำไรอย่างยั่งยืน และทำให้ท่านลงทุนอย่างสบายใจ ผมคิดว่าการลงทุนแบบนั้นน่าจะเป็นคำตอบในการลงทุนของท่าน อ่อ ลืมบอกไป กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวนะครับ^^
Cheers,
Hybrid Investor
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น